เมต้าเวริสจะกลายเป็นแหล่งซื้อขายคริปโตที่สำคัญ

หรือตลาดเทรดคริปโตจะย้ายไปบน metaverse แทน

จากผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด ร้อยละ 70 เห็นด้วยว่าเทคโนโลยีเมต้าเวริสจะมีบทบาทอย่างสำคัญในการทำธุรกรรมบล็อคเชน ซึ่งอาจจะเปลี่ยนอนาคตของโลกบล็อคเชนไปได้

ทำโพลความคิดเห็น

โพลจาก Nasdaq-listed Agora โดยทำแบบสำรวจจากวิดีโอเกมส์ การไลฟ์สดสตรีมมิ่ง สอบถามความเห็นบนโลกเมต้าเวิร์สและประกาศผลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

สอบถามบริษัทที่อเมริกามากกว่า 300 บริษัท เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับนักพัฒนาโดยเป็นชุดคำถามเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเมต้าเวริสและเราจะเห็นอะไรในอนาคต การเติบโตของเมตาเวิรสนั้นเปิดช่องทางให้นักพัฒนาได้มีช่องทางการสื่อสารใหม่ๆและช่วยให้ติดต่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น

ผลสำรวจ

57% ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่า metaverse จะกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในการซื้อ จัดเก็บ และแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ในขณะที่ 18% ไม่เห็นด้วย และ 25% รู้สึกเป็นกลาง

นอกจากนี้ 70% เห็นด้วยว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคริปโตเคอเรนซีและบล็อคเชนมีความสำคัญต่อการกำหนดอนาคตของ metaverse” ในขณะที่ 9% ไม่เห็นด้วย

เกี่ยวกับโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFTs) “นักพัฒนาส่วนใหญ่เชื่อมั่นใน NFT และเชื่อว่าพวกเขาจะกลายเป็น [สกุลเงิน] ที่ใหญ่ที่สุดในทีมใกล้เคียงผลการสำรวจระบุว่า

ใครจะเป็นเจ้าในตลาดนี้

ผู้เข้าร่วมการสำรวจยังถูกถามด้วยว่าใครคิดว่าจะเป็นเจ้าของ metaverse 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า Meta (เดิมคือ Facebook), 9% กล่าวว่า Google, 7% กล่าวว่า Microsoft, 6% กล่าวว่า Apple และ 5% กล่าวว่า Amazon

Meta เพิ่งยื่นคำขอเครื่องหมายการค้าแปดรายการซึ่งครอบคลุม metaverse และบริการ crypto ที่หลากหลาย

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งได้ประมาณขนาดของ metaverse เมื่อเดือนที่แล้ว Citi คาดการณ์ว่า metaverse อาจเป็นโอกาสมูลค่า 13 ล้านล้านดอลลาร์โดยมีผู้ใช้ 5 พันล้านคนในปี 2030 ในขณะเดียวกันธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs และ Morgan Stanley ต่างก็กล่าวว่า metaverse อาจเป็นโอกาส 8 ล้านล้านดอลลาร์

ส่งเงินทั่วโลกผ่าน bitcoin ถูกแสนถูก

อีกหนึ่งทางเลือกในการรับส่งเงินต่างประเทศ

หรือนี่จะเป็นตัวเลือกใหม่แทนที่ระบบเดิมที่ให้บริการรับโอนเงินต่างประเทศผ่านธนาคารโดยใช้ระบบที่เรียกว่า SWIFT ซึ่งใช้เวลายืนยันธุรกรรม 2-3วัน แต่ด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชนบน bitcoin จะช่วยให้การรับส่งเงินทำได้แทบจะทันที และที่สำคัญค่าธรรมเนียมถูกแสนถูก จนอาจจะฟรีเลย

Lightning Labs

บริษัท start up Lightning Labs ได้ประกาศออกมาว่าพวกเค้าได้เริ่มเครือข่ายที่เรียกว่า Taro protocal เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกำหนดเส้นทางการเงิน fiat-pegged stablecoins และสินทรัพย์อื่นๆ โดยใช้สถาปัตยกรรมของ bitcoin 

เครือข่าย Taro ใช้ Lighting บิทคอยที่สร้างบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนนี้เป็น layer 2 เพื่อรอบรับปริมาณการทำธุรกรรมที่มีขนาดมหาศาล ค่าธรรมเนียมต่ำ และมีความปลอดภัย

“มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนไม่รู้จริงๆ ว่าระบบบัตรเครดิตทำงานอย่างไร – และมันใช้งานได้จริง” Elizabeth Stark ซีอีโอของ Lightning Labs กล่าวกับ CNBC

โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มการชำระเงิน ‘เลเยอร์สอง’ นี้จะทำให้การใช้จ่ายและรับ bitcoin ง่ายขึ้น แต่ Lightning Labs ได้ตัดสินใจขยายกรณีการใช้งานของเทคโนโลยีนี้ไปยังเงินสดเสมือนประเภทอื่นๆ

ทำงานอย่างไร

ให้เรานึกถึงบิทคอยน์ที่สามารถรับส่งเหรียญกันได้ทั่วโลก มีความรวดเร็วและความปลอดภัย แต่ณปัจจุบันราคาของเหรียญยังไม่มีความเสถียร ที่จะเหมาะมาเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยผู้คนยอมรับได้ทั่วไป แต่เทคโนโลยีบล็อคเชนนี้ พิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัย ยังไม่เคยถูกแฮคระบบได้

แต่ยังมีข้อจำกัดในด้านค่าธรรมเนียมที่สูงและถ้ามีการทำธุรกรรมจำนวนมาก จะทำให้การรับส่งนั้นช้าไป ถ้าอยากรับไว้ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นมา จึงมีนักพัฒนาสร้างเครือข่าย lighting ขึ้นมาทำงานเป็น layer 2 ของบิทคอยอีกที โดยที่ปัจจัยสำคัญของเครือข่ายนี้ บน Lightning Network ผู้เข้าร่วมทุกคนในเครือข่ายไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย โหนดจะตรวจสอบเฉพาะธุรกรรมที่มีการโต้ตอบโดยตรงเท่านั้นและสามารถทำธุรกรรมหลายแสนรายการต่อวินาทีบน Lightning

และ lighting lab ได้ประกาศว่าเครือข่าย Taro นี้จะนำเอาเทคโนโลยี Lightning network มาใช้สำหรับเงิน fait , stablecoin และเหรียญอื่นๆ ซึ่งเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับโลกเทคโนโลยีและการเงิน

Lightning Labs ซึ่งประกาศด้วยว่าได้ระดมทุน 70 ล้านดอลลาร์ในการระดมทุน Series B นำโดย Valor Equity Partners ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของ Tesla และ SpaceX ในช่วงต้นกล่าวว่ากำลังเปิดตัวข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับโปรโตคอล Taro เพื่อให้สามารถรวมข้อเสนอแนะจากนักพัฒนา

Kraken รองรับ Bitcoin Lightning

เวบเทรดประกาศรองรับ Lighting network

Kraken เวบเทรดเหรียญคริปโตอันดับ 4 ของโลกในปัจจุบันที่มียอดการเทรดล่าสุดภายใน 24ชั่วโมงอยู่ที่ 600กว่าล้านเหรียญสหรัฐได้ประกาศว่าทางระบบได้รองรับ Bitcoin Lightning network แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานรับและส่งเหรียญ Bitcoin BTC ได้อย่างรวดเร็วและแทบจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม

เครือข่าย Bitcoin Lighting network คืออะไร

ในอดีตที่ผ่านมาการรับ ส่ง เหรียญบิทคอยนั้นใช้เวลาในการตรวจสอบบนบล็อคเชนนานและมีค่าธรรมเนียมที่แพง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาทราฟฟิคขณะที่ทำการโอนด้วย ซึ่งในการที่จะโอนส่งเหรียญทีละน้อยๆ ทำให้ต้องเสียเวลาและเสียค่าธรรมเนียมที่แพงมาก จึงมีผู้ออกแบบ layer 2 ขึ้นมาบนบล็อคเชนของบิทคอย เรียกว่า lighting network ซึ่งจะมีการสร้าง node ของผู้ใช้งานและจำเป็นที่จะต้องนำเหรียญไปฝากไว้กับระบบเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ และทางเครือข่ายอ้างว่าสามารถประมวลผลการทำธุรกรรมได้มากกว่าหลายล้านรายการต่อวินาที ซึ่งถ้าเทียบกับ Visa จะได้ประมาณ 65,000 รายการ / วินาที ซึ่งเป็นพลังในการประมวลผลที่มหาศาลมากๆ