ครั้งแรกกับเวบ 3.0

ความเป็นไปเป็นมาของเวบ 3.0

ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้ว่า เวบ3.0คืออะไร ต้องไปดูที่มาและวิวัฒนาการของเทคโนโลยีเวบว่ามาจากอะไรก่อนที่จะมาเป็นเวบ 3.0

เวบ 1.0

เป็นเจเนเรอชั่นแรกของเวบเทคโนโลยี ยุคแรกที่เราเรียกว่า World wide web ที่เวบส่วนใหญ่เป็นแบบที่สื่อสารด้านเดียว ไม่มีการตอบโต้กลับ (static web) ใช้สำหรับประกาศ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร มีความเป็นส่วนกลาง ถูกควบคุมข้อมูล ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นของผู้ผลิตมากกว่าของผู้บริโภค

เวบ 2.0

เป็นยุคของเวบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน กล่าวคือมีการตอบโต้ของมูลระหว่างกัน มีการสร้างบทความ ข่าวสาร ข้อมูลจากฝึ่งผู้ใช้งาน มีการใช้สื่อโซเซียลออนไลน์ พูดคุยกันเอง ค้าขายออนไลน์ E-commerce โดยที่ เวบ2.0 จะถูกสร้างจากศูนย์บริหารด้วยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการเซ็นเซอร์เนื้อหาข้อมูลต่างๆ จะเลือกที่จะเก็บข้อมูลไหนไว้ในฐานข้อมูล ยกตัวอย่างก็เช่นพวก facebook,twitter,wikipedia เป็นต้น ข้อจำกัดก็คือการเก็บข้อมูลไว้ที่ศูนย์กลางและอาจมีการปิดกั้นการเข้าถึงถึงข้อมูลหรือเลือกที่จะให้หรือไม่แสดงข้อมูลบางอย่าง สำหรับบางคน บางกลุ่มเท่านั้น

เวบ 3.0

เวบ3.0หรือจะเรียกอีกอย่างว่า เวบ3นั้นเป็นการวิวัฒจากยุค world wilde web มาใช้ร่วมกับระบบบล็อคเชนเทคโนโลยี ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไร้ศูนย์กลาง Decentralized ecosystem ที่ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลจากศูนย์กลาง ถ้าจะพูดให้ง่ายขึ้นไปอีกก็คือนำเวบ 2.0ปัจจุบันทั้งโซเซียลมีเดีย เวบขายของออนไลน์ การค้นหา search engines เวบสตรีมมิ่งวิดีโอ และอื่นๆ มาพัฒนาต่อโดยใช้บล็อคเชนเทคโนโลยี เพื่อป้องกันการถูกจำกัดการเข้าถึง uncensorable และการใช้สกุลเงินดิจิตอลเข้ามาใช้ร่วมในการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือบริการต่างๆ รวมทั้งการสร้างรายได้จากการใช้บริการอีกด้วย โดยในทางทฤษฎีแล้วเวบ 3.0จะอนุญาติให้ผู้ใช้สามารถควบคุมจัดการสื่อดิจิตอล (digital content) ด้วยระบบโครงสร้างไร้ศูนย์ ยกระดับการทำธุรกรรมและการอนุญาตจากศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาว่าผู้ใช้งานจะสร้างรายได้จากการเผยแพร่สื่อหรือข้อมูล หรือความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ดิจิตัล (NFT) เป็นต้น

สรุปต้องทำ เวบ3.0 ไหม

จะเห็นได้ว่าข้อดีในปัจจุบันส่วนใหญ่ของเวบ 3.0 คือการป้องกันเข้าถูกเซนเซอร์ การเข้าถึงที่ถูกปิดกั้นจากทางการ ภาครัฐ ถ้าเวบของคุณคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องทำ ก็สามารถใช้แบบเดิมได้อยู่แล้ว แต่เทรนในอนาคตเรื่องการเป็นส่วนตัว การทำรายได้ทั้งในบล็อคเชน NFT การการันตีความถูกต้องโดยใช้ชุมชนในการตัดสิน ก็มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น ฉนั้นไม่ควรที่จะละเลยศึกษาหรือพัฒนาต่อไป คนที่หยุดนิ่งต่อเทคโนโลยีจะกลายเป็นคนที่ตกยุคและล้าหลังกว่าใคร ยิ่งในวงการธุรกิจแล้ว ถ้าเป็นผู้นำจะได้เปรียบเป็นอย่างยิ่ง